Thai O-NET Tests - สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม - 2021 ข้อ 49

พิจารณาตัวเลือกทั้งหมด:

• การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ ส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง
• การทำลายป่าต้นน้ำ ทำให้ขาดพื้นที่ดูดซับและกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ
• จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้น้ำมากขึ้น
• การผันผวนของภูมิอากาศ ส่งผลต่อปริมาณฝนและความแห้งแล้ง
• ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม ส่งผลต่อปริมาณฝนในพื้นที่

ดังนั้น ตัวเลือก c "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks which option is NOT a cause of drought. Let me analyze each option:

A: "ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ" - Lack of water storage facilities is a cause of drought B: "การทำลายป่าต้นน้ำ" - Destruction of watershed forests is a cause of drought C: "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" - Population increase is a cause of drought (as it increases water demand) D: "การผันผวนของภูมิอากาศ" - Climate fluctuation is a cause of drought E: "ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม" - Abnormality in monsoon trough position is a cause of drought

Looking at all options, they all appear to be causes of drought. However, population increase (C) is more of an indirect factor that increases water demand rather than a direct meteorological or environmental cause of drought itself.

{"correct_answer_key":"c"}

This Thai question asks "Which one is NOT a cause of drought?"

Let's analyze the options:

• "Lack of water storage areas" is a cause of drought because it prevents collecting water during rainy seasons for dry periods.
• "Destruction of watershed forests" is a cause as forests help retain water in soil.
• "Increasing population" relates to water demand rather than directly causing drought conditions. Population growth doesn't directly alter rainfall patterns or water availability; it only increases consumption.
• "Climate variability" directly causes drought through changing rainfall patterns.
• "Abnormal positioning of monsoon troughs" directly causes drought by affecting rainfall distribution.

Option C is NOT a direct cause of drought but rather a factor that increases vulnerability to drought's effects.

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ การทำลายป่าต้นน้ำ การผันผวนของภูมิอากาศ และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม ข้อใดที่ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้งคือ "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรน้ำ แต่ไม่ใช่สาเหตุตรงๆ ของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

คำอธิบาย:
ภัยแล้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดแคลนแหล่งกักเก็บน้ำ (a) การทำลายป่าต้นน้ำ (b) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (d) และความผิดปกติของร่องมรสุม (e) ซึ่งส่งผลต่อปริมาณน้ำฝน อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น (c) ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่อาจทำให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น

คำตอบที่ถูกต้อง:

{"correct_answer_key":"c"}

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks "Which is NOT a cause of drought?" Let's translate the options:

• a) Lack of water storage
• b) Destruction of headwater forests
• c) Increasing population
• d) Climate fluctuations
• e) Abnormalities in the position of the monsoon trough

While increasing population (c) can exacerbate the effects of a drought by increasing demand for already scarce water, it doesn't directly cause the drought itself. The other options all relate to a lack of water availability.

{"correct_answer_key": "c"}

The question asks which option is NOT a cause of drought. Let's analyze each option:

• a: ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (Lack of water storage): This is a cause of drought. If there's no way to store water during wet periods, it's more likely to experience drought during dry periods.
• b: การทำลายป่าต้นน้ำ (Destruction of watershed forests): This is a cause of drought. Forests help retain water and release it slowly, so deforestation leads to less water availability.
• c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (Increasing population): This is a cause of drought. A larger population requires more water, increasing the strain on existing resources and making drought more likely.
• d: การผันผวนของภูมิอากาศ (Climate variability): This is a cause of drought. Changes in weather patterns can lead to prolonged periods of low rainfall.
• e: ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (Abnormality of the monsoon trough position): This is a cause of drought. The monsoon trough brings rainfall, so if it's in an abnormal position, it can lead to less rainfall in certain areas.

All the options listed are causes of drought. However, the question asks for the option that is not a cause. Since all options are valid causes, there may be an error in the question or the options provided. Assuming the question is valid and we must choose the least direct cause, the answer would be the one that is more of a symptom or consequence of other factors. In this case, the best answer is likely c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (Increasing population). While a larger population exacerbates drought conditions, it's not a direct meteorological or environmental cause like the other options.

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากการขาดแคลนน้ำ ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ, การทำลายป่าต้นน้ำ (ซึ่งส่งผลต่อการกักเก็บน้ำ), การผันผวนของภูมิอากาศ (เช่น ฝนทิ้งช่วง), และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (ซึ่งส่งผลต่อปริมาณฝน) จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำที่มากขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

คำถามถามว่า "ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง" ซึ่งหมายความว่า "ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง"

• a: ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (Lack of water storage) - การไม่มีแหล่งเก็บน้ำทำให้เมื่อฝนไม่ตก หรือเกิดภาวะแห้งแล้ง น้ำที่มีอยู่จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดภัยแล้งได้ ดังนั้นข้อนี้เป็นสาเหตุของภัยแล้ง

• b: การทำลายป่าต้นน้ำ (Destruction of watershed forests) - ป่าต้นน้ำทำหน้าที่ดูดซับและกักเก็บน้ำ เมื่อป่าต้นน้ำถูกทำลาย ความสามารถในการกักเก็บน้ำจะลดลง ทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งได้ง่ายขึ้น ดังนั้นข้อนี้เป็นสาเหตุของภัยแล้ง

• c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (Increased population) - จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้ความต้องการใช้น้ำมากขึ้น ทั้งในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร หากปริมาณน้ำมีจำกัด การเพิ่มขึ้นของประชากรจะทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำและส่งผลให้เกิดภัยแล้งได้ ดังนั้นข้อนี้เป็นสาเหตุของภัยแล้ง

• d: การผันผวนของภูมิอากาศ (Climate variability/fluctuations) - การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล หรือเกิดภาวะแห้งแล้งยาวนาน เป็นสาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง ดังนั้นข้อนี้เป็นสาเหตุของภัยแล้ง

• e: ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (Abnormality in the position of the monsoon trough) - ร่องมรสุมเป็นปัจจัยสำคัญในการนำฝนมาสู่หลายพื้นที่ หากตำแหน่งของร่องมรสุมผิดปกติไป จะทำให้ฝนตกน้อยลงหรือไม่ตกในพื้นที่ที่ควรจะได้รับฝน ซึ่งเป็นสาเหตุของภัยแล้ง ดังนั้นข้อนี้เป็นสาเหตุของภัยแล้ง

เมื่อพิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด จะเห็นว่าทุกข้อสามารถเป็นสาเหตุของภัยแล้งได้ แต่หากพิจารณาในแง่ของ สาเหตุโดยตรง และ สาเหตุทางอ้อม อาจกล่าวได้ว่า ข้อ c (จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น) เป็นสาเหตุที่ ทางอ้อม กว่าข้ออื่น ๆ

ภัยแล้งโดยหลักแล้วเกิดจาก การขาดแคลนน้ำ ซึ่งสาเหตุโดยตรงมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น สภาพภูมิอากาศ ป่าไม้ และแหล่งน้ำ ในขณะที่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่ ส่งเสริม หรือ ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งแย่ลง เนื่องจากเพิ่มความต้องการใช้น้ำ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้งโดยตรงเหมือนข้ออื่น ๆ

ดังนั้น หากต้องเลือกข้อที่ "ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง" ในบริบทที่อาจต้องการแยกแยะสาเหตุโดยตรงและโดยอ้อม ข้อ c อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด เพราะข้ออื่น ๆ เป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับกลไกการเกิดภัยแล้งโดยตรงมากกว่า

คำอธิบาย: ทุกตัวเลือกสามารถเป็นสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อภัยแล้งได้ แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของสาเหตุโดยตรง "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทางอ้อมมากกว่าสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรน้ำโดยตรง

{"correct_answer_key":"c"}

คำถามถามว่าข้อใดไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง ตัวเลือก ก, ข, ง, และ จ ล้วนเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนน้ำหรือปริมาณน้ำฝนที่ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้เกิดภัยแล้ง ส่วนตัวเลือก ค จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงภัยแล้งรุนแรงขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของการเกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks which of the options is NOT a cause of drought. Let's analyze each option: a) Lack of water storage facilities contributes to drought as there's no way to store water during wet periods for use during dry periods. b) Destruction of watershed forests reduces the ability of the land to retain water and feed rivers and streams, contributing to drought. c) Increased population density can exacerbate the effects of drought by increasing water demand, but it is not a direct cause of drought itself. Drought is primarily a meteorological and hydrological phenomenon. d) Climate fluctuations, such as changes in rainfall patterns and temperatures, are direct causes of drought. e) Abnormal positioning of the monsoon trough affects rainfall distribution and can lead to drought in certain areas.

Therefore, the increase in population is not a direct cause of drought, although it can worsen its impact.

{"correct_answer_key":"c"}

คำถามคือ ข้อใด ไม่ใช่ สาเหตุของภัยแล้ง (Which of the following is not a cause of drought?)

• a. ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (Lack of water storage): ทำให้รับมือภัยแล้งได้ยากขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฝนไม่ตก
• b. การทำลายป่าต้นน้ำ (Destruction of watershed forests): ส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำของดินและอาจมีผลต่อรูปแบบฝนในท้องถิ่น ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้แล้งรุนแรงขึ้น
• c. จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (Increasing population): ทำให้ความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น เกิดภาวะขาดแคลนน้ำได้ง่ายเมื่อฝนน้อย แต่ไม่ได้ทำให้ฝนตกน้อยลงโดยตรง
• d. การผันผวนของภูมิอากาศ (Climate variability): เช่น ปรากฏการณ์เอลนีโญ/ลานีญา เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ปริมาณฝนเปลี่ยนแปลง
• e. ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (Abnormality in the position of the monsoon trough): เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ฝนตกน้อยในพื้นที่ที่ควรจะตก

เมื่อพิจารณาแล้ว การเพิ่มขึ้นของประชากร (c) เป็นปัจจัยทางสังคมที่เพิ่ม "ความต้องการ" น้ำ ทำให้ผลกระทบจากภัยแล้งรุนแรงขึ้น หรือเกิดภาวะขาดแคลนน้ำได้ง่าย แต่ไม่ใช่สาเหตุทางกายภาพหรือทางภูมิอากาศที่ทำให้เกิด "ภาวะฝนตกน้อย" ซึ่งเป็นแก่นของภัยแล้งโดยตรง ส่วนข้อ a แม้จะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฝนไม่ตก แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการน้ำเมื่อเกิดภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม ข้อ c เป็นปัจจัยด้าน "ความต้องการ" ที่แตกต่างจากข้ออื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับ "ปริมาณน้ำที่มี" หรือ "สาเหตุที่ทำให้ฝนไม่ตก" มากที่สุด

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks which option is not a cause of drought. All options except "ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม" (abnormal monsoon trough position) are direct or indirect causes of drought. While monsoon troughs influence rainfall, an abnormality in their position doesn't cause drought, it's a symptom or related factor. The core causes are lack of water storage, deforestation, population pressure, and climate change.

{"correct_answer_key":"e"}

คำถามถามว่า "ข้อใดไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง"
ตัวเลือก a, b, d, e ล้วนเกี่ยวข้องกับสาเหตุของภัยแล้งโดยตรง เช่น การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ การทำลายป่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และร่องมรสุมผิดปกติ
แต่ "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" (ข้อ c) ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากปัจจัยที่ทำให้น้ำไม่เพียงพอ เช่น ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ การทำลายป่าต้นน้ำ การผันผวนของภูมิอากาศ และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม แต่จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แม้จะส่งผลต่อการใช้น้ำและทรัพยากรน้ำก็ตาม

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ การทำลายป่าต้นน้ำ การผันผวนของภูมิอากาศ และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนลดลงหรือไม่เพียงพอ แต่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นโดยตรงไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของภัยแล้ง แม้จะมีผลกระทบต่อการใช้น้ำ แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากการขาดแคลนน้ำ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (ข้อ a), การทำลายป่าต้นน้ำ (ข้อ b), การผันผวนของภูมิอากาศ (ข้อ d), และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (ข้อ e) ส่วนข้อ c จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้น้ำเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ข้อที่ถูกต้องคือข้อ c

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งมักเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำและสภาพภูมิอากาศ เช่น การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ, การทำลายป่าต้นน้ำ, การผันผวนของภูมิอากาศ, และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม. อย่างไรก็ตาม, จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง, แม้ว่าจะส่งผลต่อการใช้น้ำมากขึ้น.

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ในตัวเลือกที่ให้มา "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" (ตัวเลือก c) ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรอาจส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรน้ำ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

คำถามนี้ถามถึงข้อใดที่ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง โดยวิเคราะห์ตัวเลือกดังนี้:

• a: ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ เป็นสาเหตุของภัยแล้ง เพราะไม่มีน้ำสำรองใช้ในช่วงแห้งแล้ง
• b: การทำลายป่าต้นน้ำ เป็นสาเหตุ เพราะป่าช่วยกักเก็บน้ำ หากถูกทำลายจะทำให้เกิดภัยแล้ง
• c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากร แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภัยแล้ง
• d: การผันผวนของภูมิอากาศ เป็นสาเหตุ เพราะส่งผลต่อปริมาณฝนที่ตกไม่สม่ำเสมอ
• e: ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม เป็นสาเหตุ เพราะส่งผลต่อการกระจายของฝน

ดังนั้น ข้อที่ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้งคือ c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น

{"correct_answer_key":"c"}

An increase in population (option C) is not a direct cause of drought; while it can exacerbate water scarcity due to higher demand, it does not create the drought conditions. The other options are environmental factors that directly contribute to drought, such as inadequate water storage, deforestation, climate changes, and monsoon irregularities.

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งสามารถเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ, การทำลายป่าต้นน้ำ, จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น, การผันผวนของภูมิอากาศ, และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม แต่ในตัวเลือกที่ให้มา "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่อาจทำให้ผลกระทบของภัยแล้งรุนแรงขึ้น เนื่องจากประชากรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ความต้องการน้ำเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

To determine the correct answer, let's analyze each option in relation to the causes of drought (ภัยแล้ง).

• a: ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (Lack of water reservoirs) - This can contribute to drought as it reduces the availability of water during dry periods.
• b: การทำลายป่าต้นน้ำ (Destruction of watershed forests) - This can lead to reduced water retention and increased runoff, potentially exacerbating drought conditions by reducing groundwater recharge.
• c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (Increasing population) - While an increasing population can strain water resources, it's more of a factor in water scarcity rather than a direct cause of drought. Drought is typically associated with climatic conditions.
• d: การผันผวนของภูมิอากาศ (Climate variability) - This is a recognized cause of drought as changes in climate patterns can lead to reduced rainfall in certain areas.
• e: ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (Abnormality in the position of the monsoon trough) - The monsoon trough's position significantly affects rainfall in certain regions. Its abnormality can lead to drought or excessive rain, depending on the direction of the anomaly.

Given these explanations, while all options can be related to water issues, "c: จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" (Increasing population) is more about the impact on water resources rather than a direct cause of drought, which is typically defined by climatic or meteorological conditions.

{"correct_answer_key":"c"}

การวิเคราะห์สาเหตุของภัยแล้ง:

• ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (a) อาจเป็นผลมาจากภัยแล้ง แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรง
• การทำลายป่าต้นน้ำ (b) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้ง เนื่องจากป่าช่วยในการกักเก็บน้ำและรักษาสมดุลของระบบนิเวศ
• จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (c) อาจทำให้การใช้ทรัพยากรน้ำเพิ่มขึ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง
• การผันผวนของภูมิอากาศ (d) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้ง
• ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (e) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้ง

จากตัวเลือกที่ให้มา จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (c) ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นผลมาจากการใช้ทรัพยากรน้ำที่เพิ่มขึ้น

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks which option is not a cause of drought.

• Option A: "ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ" (Lack of water storage sources) - This is a cause of drought.
• Option B: "การทำลายป่าต้นน้ำ" (Destruction of watershed forests) - This is a cause of drought.
• Option C: "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" (Increase in population) - This is not directly a cause of drought.
• Option D: "การผันผวนของภูมิอากาศ" (Climate change) - This is a cause of drought.
• Option E: "ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม" (Abnormality in the position of the monsoon trough) - This is a cause of drought.

Therefore, the correct answer is option C.

{"correct_answer_key":"c"}

สาเหตุของภัยแล้งมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศและการจัดการทรัพยากรน้ำ เช่น การทำลายป่าต้นน้ำ การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ รวมถึงความผันผวนของสภาพอากาศหรือร่องมรสุมที่ผิดปกติ ซึ่งล้วนกระทบต่อปริมาณน้ำฝนและการกักเก็บน้ำ แต่จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยด้านความต้องการน้ำมากกว่าที่จะเป็นสาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากการขาดแคลนน้ำอันเนื่องมาจากปัจจัยด้านสภาพอากาศหรือสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณฝนลดลง (ร่องมรสุมผิดปกติ, ภูมิอากาศผันผวน) หรือการทำลายป่าต้นน้ำและการไม่มีแหล่งเก็บน้ำ ซึ่งล้วนลดการกักเก็บและกระจายน้ำตามธรรมชาติ ส่วน “จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น” เป็นเพียงปัจจัยด้านอุปสงค์น้ำ ไม่ได้ทำให้ฝนลดลงหรือเกิดภัยแล้งโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรเป็นปัจจัยด้าน “ความต้องการใช้น้ำ” ไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดภัยแล้ง (ซึ่งเกิดจากปัจจัยด้านสภาพภูมิอากาศหรือสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ) ขณะที่ตัวเลือกอื่น ๆ เป็นปัจจัยทางธรรมชาติหรือการกระทำที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนหรือการกักเก็บน้ำโดยตรง

{"correct_answer_key":"c"}

คำตอบที่ถูกต้องคือข้อ ค (จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น)
ภัยแล้งเกิดจากสภาวะฝนตกต่ำกว่าค่าปกติหรือสภาพอากาศแปรปรวน (เช่น ความผิดปกติของร่องมรสุม) รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้ระบบนิเวศน์สูญเสียความสามารถกักเก็บน้ำ (เช่น การทำลายป่าต้นน้ำ หรือไม่มีแหล่งเก็บน้ำเพียงพอ) ส่วน “จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น” ทำให้ความต้องการใช้น้ำสูงขึ้นแต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้ฝนลดลงหรือเกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

ในภัยแล้ง สาเหตุหลักเกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การผันผวนของภูมิอากาศ, ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม รวมถึงการทำลายป่าต้นน้ำที่ส่งผลต่อความสมดุลของระบบน้ำ ส่วน "จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น" เป็นปัจจัยที่เพิ่มความต้องการใช้น้ำแต่ไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภัยแล้งขึ้นโดยตรง

{"correct_answer_key": "c"}

การเกิดภัยแล้งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางธรรมชาติและภูมิอากาศ เช่น การทำลายป่าต้นน้ำที่ช่วยกักเก็บน้ำ ฝนตกไม่เพียงพอจากการผันผวนของภูมิอากาศ และตำแหน่งร่องมรสุมที่ผิดปกติ ในขณะที่จำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นนั้นไม่ใช่สาเหตุทางธรรมชาติที่ทำให้เกิดภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยด้านความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

{"correct_answer_key": "c"}

เหตุผลที่จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้งโดยตรง เนื่องจากภัยแล้งเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นการผันผวนของภูมิอากาศและความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม โดยปัจจัยอื่น ๆ เช่นการทำลายป่าต้นน้ำและขาดแหล่งกักเก็บน้ำมีผลต่อระบบนิเวศและการกักเก็บน้ำ แต่การเพิ่มขึ้นของประชากรเป็นผลกระทบจากการใช้น้ำมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุของปรากฏการณ์ภัยแล้งเอง

{"correct_answer_key": "c"}

ข้อ “จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น” เป็นปัจจัยด้านความต้องการใช้น้ำ ไม่ใช่สาเหตุทางธรรมชาติของการเกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากปัจจัยที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนหรือน้ำต้นทางลดลง เช่น ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ, การทำลายป่าต้นน้ำ, การผันผวนของภูมิอากาศ หรือความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม แต่ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยที่เพิ่มความต้องการใช้น้ำ ไม่ใช่สาเหตุทางธรรมชาติของภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

ปริมาณประชากรที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยทางธรรมชาติที่ทำให้ฝนไม่ตกหรือเกิดภัยแล้ง

{"correct_answer_key":"c"}

ในการพิจารณาสาเหตุของภัยแล้ง เรามาวิเคราะห์ตัวเลือกแต่ละข้อ:

a. ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ - สามารถทำให้เกิดภัยแล้งเพราะไม่มีการเก็บรักษาน้ำได้เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง

b. การทำลายป่าต้นน้ำ - สามารถทำให้เกิดภัยแล้งเพราะป่าต้นน้ำช่วยในการรักษาความชื้นในบรรยากาศและรักษาน้ำในดิน

c. จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น - แม้ว่าจะส่งผลต่อการใช้น้ำ แต่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง ซึ่งเกิดจากปัจจัยธรรมชาติ

d. การผันผวนของภูมิอากาศ - สามารถทำให้เกิดภัยแล้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการตกฝน

e. ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม - สามารถทำให้เกิดภัยแล้งเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการตกฝน

จากการวิเคราะห์ ตัวเลือกที่ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้งคือ "c. จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น"

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การขาดแหล่งกักเก็บน้ำ (a), การทำลายป่าต้นน้ำ (b), ความผิดปกติของภูมิอากาศ (d) และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม (e) ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลโดยตรงหรือทางอ้อมต่อปริมาณน้ำและสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น (c) ไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แต่เป็นปัจจัยที่อาจเพิ่มความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ "c"

{"correct_answer_key":"c"}

The question asks which option is not a direct cause of drought. Here's the breakdown:

• a) Lack of water storage sources: Contributes to drought by failing to retain water during dry periods.
• b) Deforestation in headwater areas: Reduces water retention and disrupts rainfall patterns, worsening drought.
• c) Increasing population: While it increases water demand, population growth itself is not a direct cause of drought but amplifies its effects.
• d) Climate variability: Directly linked to reduced rainfall and prolonged dry spells.
• e) Abnormal monsoon position: Alters rainfall distribution, leading to drought in affected regions.

Since population growth is an indirect factor rather than a direct cause, c is the correct answer.

{"correct_answer_key":"c"}

ภัยแล้งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ขาดแหล่งกักเก็บน้ำ, การทำลายป่าต้นน้ำ, การผันผวนของภูมิอากาศ, และความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุม แต่จำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของภัยแล้ง แม้ว่าอาจส่งผลต่อการใช้น้ำและทรัพยากรอื่น ๆ ก็ตาม ดังนั้น ตัวเลือกที่ไม่ใช่สาเหตุของภัยแล้งคือตัวเลือก C

{"correct_answer_key":"c"}

{
  "correct_answer_key": "c"
}